การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ในรอบปี 2567–2568
การปรับเปลี่ยนเกณฑ์หมวดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้หมวด 1 การนำองค์กร (Leadership)
หมวด 2 กลยุทธ์ (Strategy)
หมวด 3 ลูกค้า (Customers)
หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (Measurement, Analysis, and Knowledge Management)
หมวด 5 บุคลากร (Workforce)
หมวด 6 การปฏิบัติการ (Operations)
หมวด 7 ผลลัพธ์ (Results)
ระบบการให้คะแนน (Scoring System)ค่าน้ำหนักคะแนนบางหัวข้อมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความสมดุล:
ค่านิยม (Core Values)
อภิธานศัพท์ (Glossary of Key Terms)
ความคล่องตัว, ความสามารถในการฟื้นตัว, และการพลิกโฉม (Agility, resilience, and transformation)แนวคิดเรื่องความคล่องตัวช่วยให้องค์กรตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินหรือตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น, ใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้น, และ/หรือตอบสนองต่อความท้าทายเชิงกลยุทธ์. ในเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ, ความคล่องตัวเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อความสำเร็จโดยผู้นำระดับสูง, การจัดทำกลยุทธ์, การจัดรูปแบบการทำงานและบริหารบุคลากร, การออกแบบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, และการจัดการเครือข่ายอุปทาน. ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวังของความคล่องตัว, ความสามารถในการฟื้นตัว จะปรากฏอยู่ในตลอดทั้งเล่มเกณฑ์เพื่อช่วยให้องค์กรเข้าใจและเตรียมพร้อมต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของบุคลากร, ลูกค้า, และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น. ในปัจจุบัน ความสามารถในการฟื้นตัว มักหมายถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการพลิกโฉมทางธุรกิจ – เพื่อให้สามารถและพร้อมที่จะตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อทั้งโอกาสและภัยคุกคาม; เพื่อปรับกลยุทธ์, แผนปฏิบัติการ, แผนด้านบุคลากร, และกระบวนการต่าง ๆ เมื่อจำเป็น; และเพื่อให้มีระบบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งด้วยวัฒนธรรมองค์กรแห่งความไว้วางใจ. การรักษาบุคลากรไว้ (Workforce retention)เนื่องจากลักษณะงาน (และสถานที่ทำงาน) มีการเปลี่ยนแปลงในบางอุตสาหกรรม, การทำความเข้าใจ/ยกระดับปัจจัยการขับเคลื่อนความผูกพันของบุคลากรที่นำไปสู่การรักษาบุคลากรไว้จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง. การทำงานจากที่บ้าน/การทำงานแบบทางไกล, พนักงานชั่วคราว, และการจัดการสถานที่ทำงานแบบผสมผสาน (hybrid) เหล่านี้เป็นตัวอย่างของปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรม, การสื่อสาร, การออกแบบกระบวนการ, กลยุทธ์, และอื่น ๆ ขององค์กร. สุขภาพ, ความปลอดภัย, งานที่ดี/คุณภาพของงาน, และการรักษาพนักงานไว้ เป็นปัจจัยสร้างความแตกต่างที่สำคัญยิ่ง, และ มหกรรมการลาออก (The Great Resignation) ในช่วงต้นทศวรรษ 2020 ยังคงเป็นแนวโน้มทางเศรษฐกิจประการหนึ่ง. ในเกณฑ์หมวด 5 บุคลากร, จะพบคำถามเกี่ยวกับจุดมุ่งเน้นใหม่ในเรื่องความผูกพันของบุคลากรและการรักษาบุคลากรไว้; ตัวอย่างเช่น องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการสร้างความผูกพันกับบุคลากรเพื่อรักษาบุคลากรไว้และให้มีผลการดำเนินการที่ดี, องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการประเมินความผูกพันและการรักษาบุคลากรไว้, และการรักษาบุคลากรไว้ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการผลการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างไร. นอกจากนี้, ยังมีการเพิ่มหมายเหตุในหมวดการนำองค์กร, กลยุทธ์, และผลลัพธ์ เพื่อเป็นแนวทางให้องค์กรพิจารณาความต้องการและข้อกำหนดของบุคลากร. การสร้างนวัตกรรม (Innovation)การแสวงหาการสร้างนวัตกรรม (Pursuit of innovation) – การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อปรับปรุงกระบวนการ, ผลิตภัณฑ์, องค์กร, หรือความผาสุกของสังคม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย – ได้ถูกยกขึ้นเป็นประเด็นในเกณฑ์หัวข้อต่าง ๆ, โดยอยู่ในประเด็นพิจารณาของหมวด 4. โอกาสในการสร้างนวัตกรรม แสดงไว้อย่างเด่นชัดในโครงร่างองค์กรและเชื่อมโยงกับเครือข่ายอุปทาน. เกณฑ์ถามว่าผู้นำระดับสูงมีวิธีการอย่างไรในการปลูกฝังการสร้างนวัตกรรม ในคำถามการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อความสำเร็จ และการทำให้เกิดการมุ่งเน้นที่การปฏิบัติ, และการสร้างนวัตกรรมรวมอยู่ในการวางแผนกลยุทธ์ และในการสนับสนุนบุคลากรให้ดำเนินการกับโอกาสคุ้มเสี่ยง. เกณฑ์ยังถามถึงวิธีที่องค์กรพิจารณาและหนุนเสริมโอกาสคุ้มเสี่ยง ซึ่งอาจกระตุ้น, ส่งเสริม, หรือทำให้เกิดนวัตกรรม, ตลอดจนวิธีที่องค์กรระบุโอกาสเชิงกลยุทธ์สำหรับผลิตภัณฑ์, บริการ, กระบวนการ, รูปแบบธุรกิจใหม่หรือที่เปลี่ยนแปลงไป (รวมถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์), หรือตลาด ซึ่งอาจกลายเป็นโอกาสคุ้มเสี่ยงที่จะแสวงหา. โอกาสเชิงกลยุทธ์, โอกาสคุ้มเสี่ยง, และนวัตกรรมดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่มุ่งผลการดำเนินการที่เป็นเลิศ. ความหลากหลาย, ความเท่าเทียม, การมีส่วนร่วม, และความสามารถในการเข้าถึง (Diversity, equity, inclusion, and accessibility).องค์กรที่ประสบความสำเร็จใช้ประโยชน์จากภูมิหลังและลักษณะเฉพาะ (characteristics) ที่หลากหลาย, ความรู้, ทักษะ, ความคิดสร้างสรรค์, และแรงจูงใจของบุคลากร; และองค์กรส่งเสริมความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมสำหรับทุกคน. การส่งเสริมความเท่าเทียม หมายถึง การสนับสนุนการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมต่อลูกค้า, บุคลากร, และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญอื่น ๆ ทั้งหมดขององค์กร. การมีส่วนร่วม หมายถึง การทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และสนับสนุนให้พวกเขารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและการให้อำนาจในการตัดสินใจ. ผลสัมฤทธิ์ที่ได้สามารถปรับปรุงความผูกพันของบุคลากร รวมถึงปรับปรุงความผูกพันของลูกค้า, ความภักดี, และภาพลักษณ์ของตราสินค้า. เกณฑ์ถามว่าองค์กรพิจารณาผลกระทบต่อกลุ่มบุคลากรที่แตกต่างกันอย่างไร โดยคำนึงถึงความหลากหลายและการมีส่วนร่วม, องค์กรทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าบุคลากรเป็นตัวแทนที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของชุมชนของบุคลากรที่องค์กรจ้างและชุมชนของลูกค้า, องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการออกแบบสิทธิประโยชน์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของบุคลากรที่หลากหลาย, และระบบการจัดการผลการปฏิบัติงานและการพัฒนาผลการปฏิบัติงานของผู้นำองค์กรและบุคลากรส่งเสริมความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมอย่างไร. เกณฑ์พิจารณาว่าความสามารถในการเข้าถึงเป็นองค์ประกอบของบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมขององค์กร; ในขณะที่ความหลากหลาย, ความเท่าเทียม, และการมีส่วนร่วมเป็นการปฏิบัติต่อผู้คน. ความสามารถในการฟื้นตัวของห่วงโซ่อุปทาน (Supply-chain resilience)ความคล่องตัวและความสามารถในการฟื้นตัวขององค์กรมีความสำคัญยิ่งต่อการบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จ; เครือข่ายอุปทานที่มีประสิทธิภาพช่วยยกระดับทั้ง 2 ประเด็น. เครือข่ายอุปทาน (Supply-network) ขององค์กร ประกอบด้วยหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องในการผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และการเสนอบริการสนับสนุนหลังการขายให้กับลูกค้า. สำหรับบางองค์กร หน่วยงานเหล่านี้จะเชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่, โดยที่หน่วยงานหนึ่งเป็นผู้จัดหาให้อีกหน่วยงานหนึ่งโดยตรง. คำว่า “เครือข่ายอุปทาน” แสดงถึงวิวัฒนาการและพัฒนาการ (maturity) ของการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยทำให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของแหล่งสารสนเทศ, วัสดุ, ผลิตภัณฑ์, และบริการ, ยกระดับความคล่องตัว, ความสามารถในการฟื้นตัว, และการสร้างมูลค่า. การมุ่งเน้นที่การจัดการเครือข่ายอุปทานดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับผลการดำเนินการขององค์กร, สนับสนุนวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์, และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย. ในเกณฑ์หมวด 6 การจัดการเครือข่ายอุปทานเป็นประเด็นพิจารณาภายใต้ประสิทธิภาพของการปฏิบัติการ. เกณฑ์ให้ความสำคัญกับผู้ส่งมอบเพื่อส่งเสริมความสอดคล้องและความร่วมมือ, บรรเทาความเสี่ยงและทำให้มั่นใจถึงความคล่องตัวและความสามารถในการฟื้นตัว, การวัดและการประเมินผลการดำเนินการ, บังคับและส่งเสริมการประพฤติปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม, ยกระดับกลยุทธ์, และทำให้มั่นใจถึงบทบาทและความรับผิดชอบด้านความมั่นคงปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์. การสร้างประโยชน์ให้สังคม, ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม, และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Societal contributions, environmental sustainability, and the circular economy).จากแนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรที่กำหนดไว้เป็นข้อบังคับได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง, องค์กรที่มีผลการดำเนินการที่ดีมองว่าการสร้างประโยชน์ให้สังคมเป็นมากกว่าสิ่งที่องค์กรถูกบังคับให้ต้องทำ: สิ่งนี้สามารถเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความผูกพันของลูกค้าและบุคลากร และเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างในตลาด. เกณฑ์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมผ่านมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG), และมุ่งเน้นไปที่การผสานผลประโยชน์ของสังคมเข้ากับกลยุทธ์และการปฏิบัติการขององค์กร, รวมถึงการมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อม, การช่วยเหลือระบบสังคมและระบบเศรษฐกิจรอบองค์กร, และสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนที่สำคัญ. นอกจากนี้ เกณฑ์ยังให้ความสำคัญกับการจัดการข้อกังวลของชุมชนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการ และขยายขอบเขตไปไกลกว่าการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการดูแลสิ่งแวดล้อมกลายเป็นข้อกำหนดของลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ. เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติเป็นแหล่งข้อมูลแนวคิดสำหรับองค์กรในการมุ่งเน้นการสร้างความผาสุกของสังคม. เศรษฐกิจดิจิทัลและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ (The digital economy and the fourth industrial revolution).กระบวนการแปลงข้อมูลไปสู่รูปแบบดิจิทัล (Digitization) และการวิเคราะห์ข้อมูล, Internet of Things, ปัญญาประดิษฐ์, การปฏิบัติการบนคลาวด์, การสร้างแบบจำลองธุรกิจและกระบวนการที่ใช้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่, การยกระดับระบบอัตโนมัติ, และเทคโนโลยี “อัจฉริยะ” อื่น ๆ กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก. เกณฑ์ถามว่าผู้นำองค์กรพิจารณาถึงความจำเป็นด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างไร, การวางแผนกลยุทธ์ขององค์กรพิจารณาเทคโนโลยีที่เกิดใหม่อย่างไร, องค์กรเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างไร, และองค์กรจะนำเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่องค์กรอย่างไร. นอกจากนี้ เกณฑ์ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับความคล่องตัวเมื่อการอุบัติใหม่ของเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดภาวะชะงักงัน, การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและเว็บ (web-based) ในกระบวนการของลูกค้า, และการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ผลการดำเนินการและการจัดการความรู้. ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity).สำหรับธุรกิจและองค์กรทุกประเภท, การจัดการและลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ต่อข้อมูล, สารสนเทศ, และระบบปฏิบัติการและระบบอื่น ๆ กลายเป็นสิ่งจำเป็น. เกณฑ์ได้รวมเอาหลักการจาก NIST’s Framework for Improving Critical Infrastructure Cybersecurity, ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ปัจจัยขับเคลื่อนทางธุรกิจเพื่อเป็นแนวทางในกิจกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และการพิจารณาความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในกระบวนการบริหารความเสี่ยง. เกณฑ์ได้เน้นย้ำถึงความตระหนักถึงความมั่นคงปลอดภัยและภัยคุกคามความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่อุบัติใหม่; บทบาทของบุคลากร, ลูกค้า, พันธมิตร, และผู้ส่งมอบ ในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์; ความสำคัญของการระบุและจัดลำดับความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงปลอดภัย; และความจำเป็นในการป้องกัน, การตรวจจับ, การตอบสนอง, และการฟื้นฟู. |